กุศลกรรมบถ 10 แบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้

1. กายกรรม 3 ประการ

1. ไม่ฆ่าหรือทำลายชีวิตผู้อื่น

2. ไม่ลักขโมย หรือยึดเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน

3. ไม่ประพฤติผิดในกาม

2. วจีกรรม 4 ประการ

4. ไม่พูดเท็จ

5. ไม่พูดส่อเสียด

6. ไม่พูดคำหยาบคาย

7. ไม่พูดเพ้อเจ้อ

3. มโนกรรม 3 ประการ

8. ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น

9. ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น

10. เห็นชอบตามคลองธรรม

อกุศลกรรมบถ 10 คือมูลเหตุนำไปเกิดเป็นเปรตและอบายภูมิอื่น

การที่มนุษย์ทั้งหลายจะต้องไปเกิดเป็นเปรต มีชีวิตอยู่ในอบายภูมิหลังจากละโลกไปแล้ว ก็เพราะมีเหตุมีปัจจัย หรือปฏิปทาอันยังสัตว์ให้ไปถึงเปรตนั้น ได้แก่ อกุศลกรรมบถ กล่าวคือ ความชั่วที่ทำไว้ทางกาย วาจา ใจ

การที่มนุษย์ทั้งหลายจะต้องไปเกิดเป็นเปรต มีชีวิตอยู่ในอบายภูมิหลังจากละโลกไปแล้ว ก็เพราะมีเหตุมีปัจจัย หรือปฏิปทาอันยังสัตว์ให้ไปถึงเปรตนั้น ได้แก่ อกุศลกรรมบถ กล่าวคือ ความชั่วที่ทำไว้ทางกาย วาจา ใจ เช่นเดียวกับเหตุปัจจัยอันเป็นปฏิปทาให้ไปสู่นรกตามที่กล่าวมาแล้วเหมือนกัน แต่เพื่อให้เข้าใจได้อย่างแม่นยำ จึงขอนำเอาอกุศลกรรมบถมากล่าวซ้ำไว้อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

อกุศลกรรมบถ 10 ประการ

กายกรรม หรือ การทำบาปทางกาย มี 3 คือ

1. ฆ่าสัตว์

2. ลักทรัพย์

3. ประพฤติผิดในกาม

วจีกรรม หรือ การทำบาปทางวาจา มี 4 คือ

1. พูดเท็จ

2. พูดส่อเสียด

3. พูดคำหยาบ

4. พูดเพ้อเจ้อ

มโนกรรม หรือ การทำบาปทางใจ มี 3 คือ

1. โลภอยากได้ของเขา

2. พยาบาทปองร้ายเขา

3. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม

เมื่อผู้ใดประพฤติอกุศลกรรมบถ 10 ประการนี้ ผู้นั้นชื่อว่านำตนเดินไปตามปฏิปทาทางไปสู่โลกเปรตแล้ว และเมื่อเขาขาดใจตายไปจากมนุษยโลกนี้ หากว่าอกุศลกรรมนั้น สามารถนำเขาไปสู่นิรยภูมิ คือ โลกนรกได้ เขาก็จักต้องไปเสวยทุกข์โทษอยู่ในนรกก่อน พอสิ้นกรรมพ้นจากนรกแล้ว เศษบาปยังมี จึงจะไปเกิดเป็นเปรตต่อในภายหลัง นี้จำพวกหนึ่ง ทนทรมานในภพเปรตด้วยกรรมชั่วของตน

อีกจำพวกหนึ่งนั้นมีอกุศลกรรมบางเบา ไม่ถึงขั้นที่จะต้องตกนรกก็ไม่ต้องไปผ่านแดนนรก แต่จะตรงไปเกิดในโลกเปรตเลยทันที ซึ่งในกรณีหลังนี้มีข้อที่ควรจะทราบไว้ ดังต่อไปนี้

เมื่อมนุษย์ผู้มีจิตไม่บริสุทธิ์ ประพฤติอกุศลกรรมทั้งหลาย ซึ่งเป็นการนำตนให้เดินไปตามปฏิปทาทางไปสู่เปตติวิสัยแล้ว ในขณะที่จะขาดใจตายจากมนุษย์ไปผุดเกิดเป็นเปรตนั้น ย่อมจะมีเหตุการณ์อันแสดงว่าตนจักได้ไปเกิดเป็นเปรตแน่ๆ คือ คตินิมิต ซึ่งบ่งบอกถึงคติแห่งโลกเปรตที่ตนจักต้องไปเกิด เช่น บางทีให้เห็นเป็นหุบเขาหรือถ้ำอันมืดมิด เป็นสถานที่เงียบวิเวกวังเวงและปลอดเปลี่ยว บางทีให้เห็นเป็นแกลบและข้าวลีบมากมาย ให้รู้สึกหิวโหยอาหารและกระหายน้ำเป็นกำลัง บางทีให้เห็นเป็นน้ำเลือดน้ำหนองน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก และให้เห็นไปว่าตนได้ดื่มกินน้ำเลือดน้ำหนองเหล่านั้นเป็นอาหาร